หลังจากเราได้ร้างราจากการอ่านไปนาน.. เท่าที่จำได้เล่มสุดท้ายที่ได้อ่าน ก็คงจะเป็นหนังสือแนวแฟนตาซีอย่าง แฮรี่พอตเตอร์ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนพาตัวเราเข้าไปผสมผสานในจินตนาการพาโลดแล่นไปในที่ที่เราไม่รู้จัก ที่แห่งความแฟนตาซีสุดมหัศจรรย์ แต่ในครั้งนี้หลังจากกลับมาเริ่มอ่านหนังสืออีกครั้ง ต้องขอบอกก่อนเลยว่านี่แหละคือแรงบันดาลใจของชั้น
ในชีวิตคนเราถ้าใครยิ่งค้นพบแรงบันดาลใจและตัวตนได้เร็ว มักจะถือว่าได้เปรียบเร็วกว่าคนอื่น จะได้เรียนรู้และมุ่งไปในทิศทางที่เราสนใจตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ อย่างบางคนอยากเป็นหมอก็เรียนแพทย์ อยากเป็นวิศวะต้องเก่งฟิสิก อยากเป็นแอร์ต้องเก่งภาษา แต่เราไม่เคยรู้เลยว่าเราต้องการอะไรเป็นคนหนึ่งคนที่ค้นพบตัวตนได้ช้า เดินทางตามรอยที่บ้านแนะนำจนเข้ามหาวิทยาลัยเรียนด้านศิลปะแห่งหนึ่ง ยังถือว่าโชคดีที่เราเหมือนจะค้นพบตัวตนในช่วงนั้น ในสมัยที่เรียนนอกจากงานที่ต้องทำส่งอาจารย์แล้ว เรายังชอบที่จะเปิดดูงานศิลปะในห้องสมุดบ้าง ไปตามนิทรรศการต่างๆบ้าง อาศัยค้นคว้าดูทางอินเตอร์เน็ตบ้าง และตามร้านหนังสือแม้จะซื้อไม่ได้เพราะราคาขอแค่ได้ดูก็ยังดี และยังจำคำพูดนึงได้แม่นยำ เคยโทรศัพท์ไปคุยกับคุณพ่อแล้วพูดไว้ว่า "เราอยากเป็นศิลปิน ทำงานศิลปะขาย ได้พบแล้วสิ่งที่เราอยากทำ" นี่แหละคือตัวตนของเราสิ่งที่เราอยากทำ
แต่ชีวิตก็ย่อมมีการหักเห ในสมัยนั้นรักและชอบในงานศิลปะมาก แต่เมื่อเรียนจบก็ต้องทิ้งสิ่งที่รักไป ด้วยการทำงานประจำเป็นเวลาต่อเนื่อง 5-6 ปีหลังจากเรียนจบก็ไม่ได้กลับมาจับพู่กันอันเป็นที่รักอีกเลย ด้วยการทำงานด้านโพสโปรดักส์ชั่นทำให้เวลาส่วนตัวหรือเวลาพักที่จะได้ทำอะไรตามใจในสิ่งที่ต้องการยิ่งเหลือน้อยลง ไม่มีหัวที่จะเอามานั่งทำงานประณีตศิลป์หรือปล่อยหัวใจได้เป็นอิสระ เพราะการกินนอนไม่เป็นเวลา วันที่ควรจะหยุดก็ไม่ได้หยุด เวลาเพื่อนชวนเที่ยวก็แพลนล่วงหน้าไม่ได้ ชีวิตเหมือนตกอยู่ในวังวนซ้ำๆ เดิมๆ ตื่น-ทำงาน-กิน-ทำงาน-นอน-ตื่น-ทำงาน-กิน-ทำงาน-นอน
วันนึงหลังจากเสร็จภารกิจวังวนได้มีโอกาศเข้าร้านหนังสือ เพื่อมองหาหนังสือที่ถูกใจสักเล่ม หลังจากมองหามาหลายเล่ม ก็ถูกใจหนังสือเล่มนี้เข้า..
เมื่อลองเปิดดูคร่าวๆก็รู็สึกว่าน่าสนใจดี เป็นหนังสือของสำนักพิมพ์ Polka Dot เล่มนี้นี่แหละคือที่ถือกลับมาบ้านในวันนั้น หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่พูดถึง งานที่รักและพื้นที่สร้างสรรค์ผลงานของแต่ละคน ที่แสดงถึงรสนิยมอีกทั้งยังก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานด้วย หนังสือเล่มนี้จึงได้ชื่อว่า "A Little Space" ในขณะที่ได้อ่านไปทีละบท ในแต่ละบทที่ได้อ่านล้วนเริ่มทำให้เกิดแรงบันดาลใจ เหมือนไฟเล็กๆในใจกำลังคลุกรุ่นอีกครั้ง
ชอบข้อความนึงของคุณแป้ง ปิยะขวัญ จ่างตระกูล "งานศิลปะดีๆ สักชิ้น ไม่จำเป็นต้องถูกผลิตบนรโต๊ะราคาแพง พื้นที่ โล่งกว้าง หรือใช้อุปกรณ์ราคาสูงลิบ ทุกอย่างเกิดขึ้นง่ายๆ ภายใต้ บรรยากาศที่คุ้มเคย สิ่งแวดล้อมที่ใช่ และแรงบันดาลใจจากสิ่งรอบตัว" นอกจากนี้ยังมีอีกหลายๆข้อความที่ถูกใจในหนังสือเล่มนี้ อ่านแล้วได้กระตุ้นความคิดให้โลดแล่นถึงแรงบันดาลใจ หรือ Space เล็กๆ ของเราเองว่าเคยชอบอะไร รักที่จะทำอะไร และจงนำมันกลับมาทำให้เป็น พื้นที่เล็กๆในใจที่ทำให้เราความสุข
หลังจากได้แง่คิดหลายๆอย่างจากหนังสือเล่มนี้ จึงได้มองย้อนกลับไปในอดีตถึงสิ่งที่เราเคยรักชอบ ทำให้มีแรงกระตุ้นที่จะสร้างกรอบความคิดและผลงานในพื้นที่เล็กๆของตนเองขึ้นมา
นอกจากจะทำให้มีแรงบันดาลใจในการกลับไปสร้างสรรค์ผลงานที่เคยรัก ยังทำให้มีแรงผลักดันที่อยากจะนำเรื่องราวดีที่ได้รู้สึกจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ มาสร้างบล๊อคแชร์ส่งต่อให้คนอื่นบ้าง เผื่อใครที่เครียด เบื่อชีวิตวังวนหรือล้าอ่อนแรงขาดแรงบันดาลใจจากบางสิ่ง แค่เพียงคุณลองมองหาหนังสือที่ถูกใจสักเล่มแล้วเริ่มเปิดอ่านหน้าแรก เผื่อว่าคุณจะค้นพบแรงบันดาลใจบางสิ่งบางอย่างจากหนังสือเล่มนั้นก็เป็นได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น